"ข้อศอก" อวัยวะที่สุดแสนจะทำงานหนัก แต่เรากลับมองข้ามจนผิวบริเวณนั้นอาจดำด้านและดูคล้ายกับหนังช้าง แต่คุณไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ผิวกายมีตำหนิอีกต่อไป ในเมื่อนวัตกรรมสมัยนี้เปลี่ยนทุกอย่างได้เรื่องนิดเดียว
"ข้อศอก" อวัยวะที่แม้แต่คนที่ดูแลผิวกายอย่างดีที่สุดก็อาจจะมองข้าม ด้วยความที่เรามองไม่ค่อยเห็นมัน ในเวลาไม่นานนัก ผิวที่ข้อศอกก็จะหนาขึ้น และหยาบกร้านขึ้นเรื่อย ๆ แม้ชั้นปกป้องนี้จะจำเป็น แต่ผิวของเราก็ไม่จำเป็นต้องดูเหมือนผิวช้าง ข่าวดีก็คือ ยังมีสิ่งที่ทำให้ผิวส่วนนี้ของคุณนุ่มลงได้
Slow Fix
หลายครั้งที่ทรีตเมนต์อย่างเดียวไม่ได้ผล เพราะข้อศอกของคุณเกิดการเสียดสีอยู่บ่อย ๆ คุณเองจึงต้องร่วมรักษาความเนียนใสของข้อศอกด้วยเช่นกัน
1. เลิกเท้าโต๊ะด้วยข้อศอก มิเช่นนั้นต่อให้นวัตกรรมเริ่ดแค่ไหน ข้อศอกก็จะกลับมาด้านอีก ผิวหนัง บริเวณข้อศอกมีหน้าที่ปกป้องข้อต่อ กล้ามเนื้อ และกระดูก มันจึงต้องปรับตัวตามแรงกดดันที่ได้รับ เช่นเดียวกับ ผิวหนังบริเวณส้นเท้าและเข่า หรือปลายนิ้วของคนเล่นกีตาร์ แต่ข้อศอกของคุณไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องมากขนาดนั้น แต่ถ้าคุณเท้าศอกบ่อย ๆ โดยเฉพาะคนที่นั่งโต๊ะ ผิวที่ตายแล้วก็จะทับถมกันเรื่อย ๆ
2. รักษาความสะอาด ข้อศอกที่ทำงานหนักมักจะแห้งและไม่น่าดู พอคุณยืดแขน ผิวก็จะย่น เกิดการหมักหมม การทำความสะอาด จึงเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยป้องกันผิวด้านและขับไล่เชื้อโรค แต่ควรจะหลีกเลี่ยงสบู่ ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือที่เป็นกรดรุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวยิ่งแห้งเข้าไปอีก
3. ขัดผิว เอาเซลล์ใหม่ ๆ ขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่าอยู่เสมอ อาจจะเป็นอีกหนทางหนึ่งในการบรรเทา "ผิวหนังไก่" ที่ข้อศอกและต้นแขนได้ คุณอาจขัดระหว่างอาบน้ำ และตามด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของกรดแล็กติกก็ได้
4. เพิ่มความชุ่มชื้น เพราะข้อศอกไม่ค่อยมีต่อมที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อย่างที่ผิวส่วนอื่นมี การทาปิโตรเลียมเจลลี่หรือครีมที่มีความชุ่มชื้นแบบพิเศษจึงช่วยได้ เช่นเดียวกับการดื่มน้ำมาก ๆ
5. ไปพบแพทย์ เพราะบางทีข้อศอกก็แห้งและด้านเกินเยียวยา บางครั้งอาจเป็นโรคสะเก็ดเงิน หรือว่าเป็นโรคผิวหนังอักเสบ ซึ่งอาจจะทำให้ผิวหนาและแห้งแบบที่คุณรักษาเองไม่หาย ดังนั้น ควรไปพบแพทย์ผิวหนังดีกว่า หากไม่เป็นโรคก็จะได้หมดห่วง และยังประเมินได้ด้วยว่า คุณจะใช้เลเซอร์หรือทรีตเมนต์แบบไหนในการรักษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น